
ฝรั่งเศสถล่มยูเครน 4-0 คว้าตั๋วบอลโลก 2026 จากเอ็มบัปเป้สองประตูได้ยังไง
ฝรั่งเศสการันตีตั๋วฟุตบอลโลก 2026 หลังเปิดปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ ชนะยูเครน 4–0 เอ็มบัปเป้กดสอง โอลิเซกับเอกิทิเกช่วยซัดอีกคนละลูก ทำให้ฝรั่งเศสจบจ่าฝูงกลุ่ม D แบบแต้มทิ้งขาดหลังแข่งไป 5 นัด
นัดนี้เล่นวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ยิ่งมีความหมายเป็นพิเศษเพราะตรงกับครบรอบ 10 ปี เหตุวินาศกรรมในกรุงปารีส ทำให้บรรยากาศเกมเป็นทั้งค่ำคืนฟุตบอลและการรำลึกถึงผู้สูญเสียไปพร้อมกัน
เกมฝรั่งเศสพบยูเครนในคัดบอลโลกนัดนี้มีจังหวะสำคัญอะไรบ้าง
ตอบก่อนสั้นๆ
ครึ่งแรกอึดอัด ครึ่งหลังฝรั่งเศสเปิดเครื่อง ยิงทีเดียวสี่ลูกภายในราวครึ่งชั่วโมง
อธิบายต่อ:
-
ครึ่งแรก ฝรั่งเศสครองบอล บุกใส่ แต่ยูเครนตั้งรับแน่น ผู้รักษาประตูตรูบินเซฟหลายครั้ง เกมจบ 0–0 ใน 45 นาทีแรก
-
ครึ่งหลัง นาทีราวชั่วโมง ฝรั่งเศสได้จุดโทษ เอ็มบัปเป้ชิพแบบเนียนๆ พาทีมนำ 1–0
-
นาที 76 โอลิเซตัดเข้าในแล้วกดด้วยซ้ายเสียบเสา เป็นประตู 2–0 ที่ทำให้ยูเครนเริ่มแผ่ว
-
ช่วงท้ายเกม เอ็มบัปเป้ยิงเพิ่มอีกหนึ่ง กลายเป็นเบิ้ลในคืนเดียว ก่อนที่เอกิทิเกจะยิงลูกแรกในนามทีมชาติ ปิดสกอร์ 4–0 ในนาทีท้ายๆ
รูปเกมโดยรวม ฝรั่งเศสแทบไม่ปล่อยให้ยูเครนมีจังหวะลุ้นแบบจังๆ เลย ทั้งเกมรับที่แน่น และเกมรุกที่กดดันคู่แข่งเกือบตลอด 90 นาที
เอ็มบัปเป้แบกฝรั่งเศสในเกมนี้ด้วยสถิติแบบไหนบ้าง
ตอบก่อนสั้นๆ
เอ็มบัปเป้ยิงสอง จ่ายหนึ่ง สร้างโอกาสเองทั้งคืน แทบจะมีส่วนในทุกประตูของฝรั่งเศส
อธิบายต่อ:
-
ยิง 2 ประตู จากจุดโทษแบบชิพ และลูกปิดมุมในกรอบเขตโทษ
-
แอสซิสต์ให้เอกิทิเกยิงประตูแรกทีมชาติ
-
มีสถิติยิง 10 ครั้ง สร้างโอกาสสำคัญ 3 ครั้ง แตะบอลเกิน 60 ครั้งในเกมเดียว แทบจะเป็นศูนย์กลางเกมรุกทั้งหมดของฝรั่งเศส
ชัยชนะนัดนี้ทำให้เอ็มบัปเป้เพิ่มจำนวนประตูทีมชาติเข้าใกล้สถิติตลอดกาลของชิรูด์มากขึ้นไปอีก และยิ่งตอกย้ำสถานะ “กัปตันทีม–คนแบกความหวัง” ก่อนถึงรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026
ผลชนะนัดนี้ช่วยให้ฝรั่งเศสการันตีตั๋วฟุตบอลโลก 2026 อย่างไร
ตอบก่อนสั้นๆ
สามแต้มจากยูเครนทำให้ฝรั่งเศสทิ้งห่างไอซ์แลนด์แบบแต้มไล่ไม่ทัน จบงานคัดเลือกกลุ่ม D ตั้งแต่นัดรองสุดท้าย
รายละเอียด:
-
ฝรั่งเศสมี 13 แต้มจาก 5 นัด นำหน้าไอซ์แลนด์อันดับสองแบบไล่ไม่ทันในโปรแกรมที่เหลือ
-
กลายเป็นการเข้ารอบฟุตบอลโลกครั้งที่ 8 ติดต่อกันของทีมตราไก่ ตั้งแต่ปี 1998 เป็นต้นมา
-
ทีมยังรักษาสถิติสุดโหด “ไม่แพ้ในเกมคัดเลือก ยูโร–บอลโลก” ตั้งแต่ปี 2019 จนถึงตอนนี้
ด้วยผลงานรอบคัดเลือกแบบนี้ ฝรั่งเศสจะได้เป็นทีมวางในพิธีจับสลากฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐฯ แคนาดา เม็กซิโก ในเดือนธันวาคม ซึ่งช่วยลดโอกาสไปอยู่ร่วมกลุ่มกับบิ๊กทีมยุโรปอื่นๆ
บรรยากาศเกมฝรั่งเศสยูเครนในวันครบรอบ 10 ปีเหตุปารีสสำคัญยังไง
ตอบก่อนสั้นๆ
นี่ไม่ใช่แค่เกมคัดบอลโลก แต่เป็นแมตช์แห่งการรำลึกเหตุการณ์ 13 พฤศจิกายน 2015 ที่ปารีสด้วย
อธิบายต่อ:
-
เกมเตะวันที่ 13 พฤศจิกายน 2025 ตรงกับครบรอบ 10 ปี เหตุวินาศกรรมในปารีส ซึ่งหนึ่งในเหตุการณ์ตอนนั้นเกิดขึ้นรอบสนามสต๊าด เดอ ฟรองส์ ระหว่างแมตช์ทีมชาติฝรั่งเศสกับเยอรมนี
-
ก่อนแข่งมีการยืนไว้อาลัย และข้อความรำลึกผู้เสียชีวิตทั้งในสนามและตามสื่อ
-
ดิดิเอร์ เดส์ช็องส์ กับเอ็มบัปเป้ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องการ “ทำให้คืนนี้เป็นค่ำคืนที่คนฝรั่งเศสรู้สึกมีความหวัง” ผ่านผลงานในสนาม แต่ก็ไม่ลืมว่ามีเรื่องที่ใหญ่กว่าฟุตบอลอยู่เบื้องหลัง
ชัยชนะ 4–0 และการคว้าตั๋วบอลโลกในคืนเดียวกัน จึงทำให้เกมนี้ถูกมองว่าเป็น “ค่ำคืนที่ปารีสเปลี่ยนจากน้ำตาเป็นรอยยิ้ม” ในมุมของแฟนบอลจำนวนมาก
แผนของเดส์ช็องส์หลังการันตีตั๋วบอลโลกมีทิศทางยังไง
ตอบก่อนสั้นๆ
เดส์ช็องส์ย้ำว่าฟุตบอลโลก 2026 จะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของเขากับทีมชาติ และตอนนี้โฟกัสหลักคือการเตรียมทีมทั้งขุมกำลัง ไม่ใช่แค่ตัวจริง 11 คน
รายละเอียด:
-
เมื่อการันตีตั๋วแล้ว เกมถัดไปกับอาเซอร์ไบจานจะถูกใช้ทดลองตัวผู้เล่นเพิ่ม รวมถึงให้โอกาสดาวรุ่งอย่างเอกิทิเกและโอลิเซต่อเนื่อง
-
โค้ชและสหพันธ์ประกาศชัดว่า ฟุตบอลโลก 2026 จะเป็นเวทีปิดฉากยุคเดส์ช็องส์ หลังจากคุมทีมยาวตั้งแต่ปี 2012 พาทีมคว้าแชมป์โลก 2018 และเข้าชิง 2022
-
ฝั่งเอ็มบัปเป้และคามาวิงกามีอาการเจ็บเล็กน้อยจนต้องถอนตัวจากทีมในเกมต่อไป แต่รายงานชี้ว่าน่าจะหายทันกลับไปช่วยสโมสร และไม่มีผลหนักกับฟุตบอลโลก
ในมุมมองของ UFABET คิดว่าสำหรับแฟนฝรั่งเศส นี่คือช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญจาก “ยุคเดส์ช็องส์” ไปสู่ยุคใหม่ที่คาดว่าเอ็มบัปเป้จะเป็นผู้นำหลักในสนามมากยิ่งขึ้น
สรุปท้ายบทความ
ชัยชนะ 4–0 เหนือยูเครนในคืนวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 จึงไม่ใช่แค่การเก็บสามแต้มธรรมดา แต่คือ
-
การการันตีตั๋วฟุตบอลโลก 2026 อย่างเป็นทางการ
-
การตอกย้ำสถานะของเอ็มบัปเป้ในฐานะกัปตัน–สตาร์หมายเลขหนึ่งของชาติ
-
และการเปลี่ยนคืนครบรอบ 10 ปีเหตุสลดในปารีสให้กลายเป็นค่ำคืนที่คนฝรั่งเศสมีเรื่องให้ภูมิใจร่วมกันอีกครั้ง